5-ข้อคิดจาก Home Isolation
#5ข้อคิดที่ได้จากช่วงHomeIsolation
.หลังจากที่อาการเริ่มดีขึ้นคือ ไม่ปวดเมื่อยแล้ว แม่ติ๊ดก็ยังนอนๆ อยู่เยอะเพราะยังมีความเพลียอยู่มาก ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้ได้มีเวลา “ทบทวน” สิ่งต่างๆ ในชีวิต แทนที่จะใช้ชีวิต “วุ่นๆ” อยู่ตลอดวันอย่างที่เคย
.จริงๆ ก็ไม่ใช่สิ่งยิ่งใหญ่อะไร แต่อยากบอกว่าเราทุกคนล้วนต้องการ “เวลาเงียบๆ” ให้กับตัวเองบ้างในโลกที่มี “สิ่งเร้า” มากมายเหลือเกินที่คอยดึงเราไปทางโน้นทางนี้ตลอดเวลา การทบทวนจะช่วยให้เราได้ตกผลึกว่าอะไรคือสิ่งที่เราให้คุณค่าหรือสำคัญในชีวิตจริงๆ
.1. สุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแต่มักเป็นสิ่งที่คน take it for granted จนเมื่อไม่สบายจึงค่อยรู้สึกตัว
.เคยไหมคะที่เรา “ฝืน” ทำงานต่อจนดึกดื่น แม้ร่างกายจะล้าเต็มทีแล้ว
เคยไหมคะที่เรา “ฝืน” ดู series เกาหลีทั้งคืนเพราะมันสนุกหรือคิดว่าคลายเครียด แต่ร่างกายไม่สนุกด้วย
.ทุกวันนี้คนเป็นโรคเพราะเรา “ฟังเสียงร่างกาย” กันน้อยมาก โลกมีสิ่งเร้าและความรีบเร่งคอย “กระตุ้น” ให้เราต้องทำโน่นนี่นั่นตลอดเวลา กระแสนิยมบอกว่าเราต้องใช้ชีวิตอย่าง productive ร่างกายของคนยุคนี้จึงเสื่อมเร็วกว่าอายุจริง
.เมื่ออายุมากขึ้น แม่ติ๊ดพบว่าการใช้ชีวิตอย่าง “สมดุล” คือคำตอบของชีวิตที่เป็นสุข และลดปัญหาที่ไม่ควรต้องเกิดได้ดี เช่น ช่วงที่ไปอังกฤษเราเดินกันหนักหน่วงมาก น่าจะมากกว่าวันละ 10000 ก้าวทำให้ร่างกายล้าเกินไป (โดยเฉพาะตอนไปก็เหนื่อยอยู่แล้ว ไม่ได้ fit ร่างกายไปก่อน) เรียกว่าไม่สมดุล ใช้ร่างหนักเกินไป 55
.อย่าลืมว่าเมื่อเราอายุเยอะขึ้น เวลาเป็นอะไรก็จะฟื้นตัวช้ากว่าเด็กๆ แม่ติ๊ดติดโควิดจากน้อง Tony แต่ลูกเป็น 2-3 วันก็หายแล้ว ของเรากว่าจะฟื้นตัวก็หลายวันทีเดียว และเห็นเด็กๆ หลายบ้านติดโควิดกัน 2-3 วันก็หายกันหมด คุณแม่ที่ต้องดูแลจึงต้องรักษาสุขภาพมากๆ นะคะ
.2. อย่าประมาท ชีวิตเปราะบางกว่าที่คิด
.ที่อังกฤษคนปิด mask กันไม่ถึง 2-3% และมีนักท่องเที่ยวเยอะมากจริงๆ ค่ะ ทั้งขาไปและกลับคนเต็มเครื่องบินทุกที่นั่ง เราใช้ชีวิตนอกบ้านทุกวัน แถมใช้รถสาธารณะเยอะมาก รถไฟใต้ดินและรถเมล์จะค่อนข้างอบ อากาศไม่ค่อยถ่ายเท ทำให้เชื้อโรคไปไหนไม่ได้ 555 แม่ติ๊ดเชื่อว่าวัคซีนและ mask ยังช่วยได้มากแม้เชื้อตัวนี้จะค่อนข้างแพร่กระจายได้ง่ายนะคะ
.โดยบังเอิญ เราพบกำแพง Covid memorial ที่เป็นอนุสรณ์แก่ผู้เสียชีวิตเพราะโควิดซึ่งยาวเป็นกิโลตรงฝั่งแม่น้ำเทมส์ ซึ่งจากจุดนี้มองไปจะเห็นวิว Big Ben และ The Parliament อันสวยงาม ทำให้คิดว่ามนุษย์มีศักยภาพมากมาย สร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ชีวิตมนุษย์ก็เปราะบางกว่าที่คิด ร่างกายจึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เราควรถนอมรักษา เพราะปราศจากร่างกายที่แข็งแรง มนุษย์ก็ไม่สามารถแสดงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ได้
.3. คนที่รักเราจะมาในวันที่เราลำบากเสมอ
.ช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นช่วง “เวลาที่ดี” เสมอที่ทำให้เราได้รู้ว่าใครคือคนที่เราควรให้ความสำคัญ
.4. ไม่มีอะไรแน่นอน
.เมื่อเราเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ เราก็จะไม่ไปเป็นทุกข์กับการ “ยึดติด” สิ่งต่างๆ หรือแม้แต่คาดหวังว่าสิ่งใดๆ จะต้องเป็นไปดั่งใจเราตลอดเวลา ไม่เคยเป็นโควิดก็เป็นได้ เป็นโควิดก็หายได้ อ้วนได้ก็ผอมได้ ผอมได้ก็อ้วนได้ (แม่ติ๊ดลดหุ่นได้โดยไม่รู้ตัวจากการไปอังกฤษครั้งนี้ 555)
.5. ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนดีแล้ว
.ในชีวิตของคนเรา มีทั้งเหตุการณ์ที่เราชอบและที่เราไม่ชอบ แต่ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ถ้าเรามองทุกสิ่งด้วยทัศนคตินี้ เราจะพบว่ามัน “จริง” ค่ะ เช่น แทนที่จะคิดว่าทำไมโชคร้ายแบบนี้ไปติดโควิด จะดีกว่าไหมถ้าเรามองว่าการติดโควิด ทำให้เราได้พักร่างกายอย่างจริงจัง ทำให้เราได้มีเวลาทบทวนว่าอะไรคือสิ่งสำคัญหรือใครที่มีค่าในชีวิตของเรา เป็นต้น
.Stay safe
.
ด้วยรักและปรารถนาดี